วันพุธที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560

บริหารจัดการเงิน ปัญหาทุกอย่างจะไม่เกิด ถ้ามีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ

ปัญหาทุกอย่างจะไม่เกิด ถ้ามีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ


    จะให้ความสำคัญต่อการบิรหารจัดการมากกว่าการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพราะในโลกของการลงทุนเรามีโอกาสจะพบปัญหาต่างๆ มากมาย แต่ปัญหาใหญ่ที่ทำให้เราล้มเหลวคือ ความเสี่ยง ดังนั้นการบริหารจัดการเงินทุนนั้นจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความเสี่ยง หรือจำกัดวงของความเสี่ยงให้เบาบางลง ถ้ามีความสามารถล้ำลึกในการบริหารจัดการเงินจะทำให้เราเป็นนักลงทุนที่เก่งวางแผนการเทรดที่ดี และมีโอกาสได้กำไร และอยู่รอดได้นาน นี่แหละคือ ความสำคัญของการบริหารจัดการเงิน

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

แนวรับ แนวต้าน แนวทางลงทุนหุ้นเน้นคุณภาพเกี่ยวกับแนวรับและแนวต้าน

แนวรับ และ แนวต้าน

แนวรับและแนวต้านเปรียบดังแนวของเส้น ณ ตำแหน่งราคาใดๆ ที่ใช้เป็นแนวสังเกตสำหรับการเคลื่อนที่ของราคาผ่านแนวนั้นๆ เนื่องจากการหยุดการทะลุผ่าน หรือการไหลตกลงของราคาผ่านที่แนวสังเกตนี้ล้วนมีนัยที่สำคัญการทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวรับ แนวต้าน จึงเป็นเรื่องจำเป็นควบคู่ไปกับการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาหุ้น

แนวรับ คือแนวที่มีแรงซื้อมารับราคาหุ้นไว้ไม่ให้ตกลงไปมากกว่านี้ หรือสามารถชะลอการร่วงลงของราคาได้ในขณะเวลาหนึ่ง โดยทั่วไปแนวรับจะมีลักษณะเหมือนแนวที่เป็นจุดสังเกตการเคลื่อนที่ลงของราคาในแนวโน้มขาลง
แนวรับจะมีได้มากกว่า 1 แนว และสามารถนำแนวรับในอดีตที่มีนัยมาใช้ในการสังเกตในปัจจุบันได้ โดยบ่อยครั้งที่แนวรับสำคัญจะเกิดจากการที่ราคาหุ้นในทิศทางลงหลายรอบมาหยุดลง ณ ที่แนวรับนั้น

แนวต้าน คือแนวที่มีแรงขายมาต้านราคาหุ้นไว้ไม่ให้ขึ้นสูงไปมากกว่านี้ หรือสามารถชะลอการขึ้นของราคาได้ในขณะเวลาหนึ่ง โดยทั่วไปแนวต้านจะมีลักษณะเหมือนแนวที่เป็นจุดสังเกตการเคลื่อนที่ลงของราคาในแนวโน้มขาขึ้น
แนวต้านจะมีได้มากกว่า 1 แนว และสามารถนำแนวต้านในอดีตที่มีนัยมาใช้ในการสังเกตในปัจจุบันได้ เช่น จุดสูงสุดเดิมที่มีการเทขายจำนวนมาก


จากต้านเป็นรับ จากรับเป็นต้าน

การติดตามทิศทางราคาหุ้นอย่างต่อเนื่องจะพบว่า เมื่อหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม แนวรับและแนวต้านก่อนหน้าจะสามารถทำหน้าที่สลับกันบนแนวโน้มที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น

กรณีที่ 1 แนวโน้มเป็นแนวโน้มขาขึ้น เราจะสามารถนิยามแนวต้านได้จากจุดสูงสุด และเมื่อแนวโน้มขาขึ้นวิ่งมาถึงแนวต้านที่แรงขายมากกว่าแรงซื้อทำให้ราคาหุ้นไม่สามารถทะลุผ่านแยวต้านไปได้ ราคาหุ้นจะเริ่มคงที่ระยะสั้นๆ และเกิดการย่อตัวกลับของแนวโน้ม แนวต้านก่อนหน้าจะกลายเป็นแนวรับที่ทดสอบการย่อตัวของราคา

กรณีที่ 2 แนวโน้มเป็นขาลงเกิดแรงขายต่อเนื่องจนสร้างจุดต่ำสุดใหม่ก่อให้เกิดแนวรับใหม่ในทิศทางแนวโน้มขาลง โดยที่แนวโน้มอาจจะมีการซื้อกลับดดยแรงซื้อจะดึงราคาหุ้นให้มีการ Rebound ขั้น แนวรับก่อนหน้าจะทำหน้าที่เป็นแนวต้าน เพื่อทดสอบการกลับตัวหรือ Rebound ของราคา




วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ประเภทของแนวโน้มของกราฟ แนวทางลงทุนหุ้นแบบเน้นคุณภาพ

ประเภทของแนวโน้ม

แนวโน้มคือรูปแบบของราคาหุ้นที่เปลี่ยนแปลงแบบเคลื่อนที่จากช่วงเวลาหนึ่ง ไปอีกช่วงเวลาหนึ่ง การเคลื่อนที่ของราคาหุ้นที่ปรกฏบนกราฟจะอยู่ในลักษณะแบบคลื่น คือมีการแกว่งตัว ไม่ได้มีทิศทางการเคลื่อนที่ขึ้นหรือลงเป็นเส้นตรง สาเหตุมาจากการที่มีปัจจัยอื่น ๆ ของผู้เล่นกลุ่มต่าง ๆ เข้ามามีอิทธิพลต่อการเคลื่อนที่ของราคาหุ้น ก่อให้เกิดความผันนผวนซ่อนอยู่ในการเคลื่อนที่ โดยสามารถแบ่งแนวโน้มออกได้ดังนี้

1.แนวโน้มขาขึ้น (Up Trend)
แนวโน้มขาขึ้นคือรูปแบบการเคลื่อนที่ขึ้นของราคาหุ้น โดยราคาหุ้นจะเปลี่ยนแปลงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยจุดต่ำสุดใหม่จะสูงกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้าเสมอ เรียกการเปรียบเทียบราคาลักษณะนี้ว่า Higher Low

2. แนวโน้มขาลง (Down Trend)
แนวโน้มขาลงคือรูปแบบการเคลื่อนที่ลงของราคาหุ้น โดยราคาหุ้นจะเปลี่ยนแปลงแบบลดลงเรื่อยๆ โดยจุดสูงสุดใหม่จะต่ำกว่าจุดสูงสุดก่อนหน้าเสมอ เรียกวิธีการเปรียบเทียบแบบนี้ว่า Lower High

3.แนวโน้มออกข้าง (Sideway Trend)
แนวโน้มออกข้างหรือ Sideway เป็นแนวโน้มที่มีการแกว่งแบบไว้ทิศทางที่ชัดเจน มีขึ้นและลงในกรอบแคบ ๆ และเป็นทางแยกก่อนจะเปลี่ยนแนวโน้มไปสู่ขาขึ้นหรือขาลง เรามีโอกาสพบแนวโน้มแบบ Sideway ได้มาก และแนวโน้มแบบนี้ที่ทำให้เกิด False Signal ใน Indicator หลายตัว และพาแมลงเม่าไปติดดอยมานักต่อนักแล้ว

ดังนั้นกรณีที่หุ้นอยู่ในแนวโน้ม Sideway นักลงทุนควรใช้สติและความระมัดระวังในการเทรดแบบเก็งกำไร เพราะบ่อยครั้งท่านมักจะถูกจินตนาการและผลจากจิตวิทยาของคนส่วนใหญ่ทำให้การตัดสินใจและการรับรู้คลาดเคลื่อน


วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ทำความรู้จักกับกราฟแท่งเทียน แนวทางลงทุนหุ้นแบบเน้นคุณภาพ

ทำความรู้จักกับกราฟแท่งเทียน

รูปแบบกราฟราคาหุ้นที่นิยมใช้ในการแสดงผลและการวิเคราะห์แนวโน้ม ตลอดจนทิศทางการเคลื่อนที่ของราคา ก็คือกราฟแบบแท่งเทียน โดยกราฟแท่งเทียนนี้สามารถแสดงราคาปิดเปิด สูงสุด ต่ำสุด ในช่วงเวลาที่เราสนใจพิจารณา ทำให็เราสามารถวิเคราะห์รูปแบบของราคาได้การอ่านกราฟแท่งเทียนได้เข้าใจจะทำให้เราทราบถึงสถานะของราคา และสภาพอารมณ์ของตลาดในระยะสั้นได้เป็นอย่างดี

รูปร่างของแท่งเทียน
รูปร่างของแท่งเทียนประกอบด้วยราคาปิด ราคาเปิด ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด โดยแสดงในลักษณะแท่งสี่เหลี่ยม เป็นการบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งหรือแรงขายจะสะท้อนออกมาในรูปแบบของแท่งเทียน แน่นอนว่าถ้ามีแรงซื้อมากชนะย่อมมีมากด้วย โดยแบ่งรูปร่างของแท่งเทียนออกได้ 3 ลักษณะดังนี้

1.Bullish Candlestick
Bullish Candlestick หรือแท่งเทียนขาขึ้น ราคาเปิดจะอยู่สูงกว่าราคาปิด โดยบ่งบอกถึงแรงซื้อชนะแรงขาย โดย Body ของแท่งเทียนยิ่งยาวยิ่งแสดงถึงการ Bullish ที่มาก

2.Bearish Candlestick
Bearish Candlestick หรือแท่งเทียนขาลง ราคาเปิดจะอยู่ต่ำกว่าราคาปิด โดยบ่งบอกถึงแรงขายชนะแรงซื้อ

3.Doji
Doji คือช่วงที่ราคาปิดและราคาเปิดมีค่าเท่ากันหรือใกล้เคียงกันมาก ๆ ซึ่งสะท้อนความไม่สามารถเอาชนะกันระหว่างแรงซื้อและแรงขาย เป็นสัญญาณบอกถึงการทรงตัวของราคาหุ้น

การฟราคาหุ้นที่เราพบโดยทั่วไปเป็นกราฟแท่งเทียนที่เรียงต่อกันเป็นชุดแบ่งตามช่วงเวลาที่เราสจใจ โดยเราสามารถนำรูปแบบของแท่งเทียนมาวิเคราะห์การกลับตัว และการเคลื่อนที่ขึ้นหรือลงของแนวโน้มหุ้นได้


วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560

จุดสังเกตงบการเงิน สำหรับการเล่นหุ้นที่เน้นคุณภาพ

จุดสังเกตงบการเงิน สำหรับการเล่นหุ้นที่เน้นคุณภาพ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่านั้นจะมีการวิเคราะห์ด้วยกัน 2 แบบ คือ การวิเคราะห์เชิงคุณภาพ และ การวิเคราะห์เชิงปริมาณ

งบการเงิน ประกอบด้วยข้อมูลทางการเงินที่สำคัญ ๆ คือ งบดุล งบกำไรขาดทุน งบกระเสเงินสด

งบดุล จะให้ข้อมูลในช่วงเวลางวดบัญชีหนึ่ง บริษัทมีสินทรัพย์หนี้สินและทุนมากน้อยเท่าไร มีความมั่นคงเพียงใด สังเกตง่วย ๆ ว่าหากหนี้สินมากกว่าทุน แสดงว่าบริษัทนี้กู้เงินมาลงทุนเป็นส่วนใหญ่ และมักจะมีภาระที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยและใช้คืนเงินต้นมากมาย

งบกำไรขาดทุน จะให้ข้อมูลบริษัทได้ดำเนินกิจการในช่วงเวลางวดบัญชีหนึ่งมีรายได้จากการดำเนินงานมาจากอะไรบ้าง มีต้นทุนเกิดขึ้นเท่าไรบ้าง ในงบกำไรขาดทุนนี้จะมีการบันทึกบัญชีการได้ค่าใช้จ่ายแบบคงค้าง

งบกระแสเงินสด จะประกอบไปด้วยข้อมูลทางการเงิน 3 ส่วนคือ
กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ให้ข้อมูลที่ปรับจากเกณฑ์คงค้างในงบกำไรขาดทุนมาเป็นเกณฑ์เงินสด

กระแสเงินสดจากการลงทุน ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนของบริษัทว่า ในเวลางวดนั้นบริษัทได้ใช้เงินลงทุนไปในเรื่องใดบ้าง เป็นจำนวนเงินเท่าใด

กระแสเงินสดจากการจัดหาเงิน ให้ข้อมูลว่าบริษัทจัดหาเงินมาใช้ลงทุนและดำเนินกิจการจากแห่งใด กู้มาหรือใช้ทุนเดิมหรือเพิ่มทุน


วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2560

แนวทางการเล่นหุ้น หุ้นดี ดูอย่างไร

หุ้นดีดูอย่างไร


หุ้นพื้นฐานดีนั้นหาไม่ยากเกินความสามารถและเราสามารถค้นหาได้ด้วยตัวเราเอง ยิ่งถ้าเราเข้าใจในธุรกิจที่เราลงทุนแล้ว เราก็ไม่ต้องไปกังวลกับสภาพของตลาดหุ้น
หุ้นพื้นฐานดีสามารถบอกได้โดยดูจากงบการเงินของบริษัทนั้น ก็คือ งบดุล งบการเงิน และงบการะแสเงินสด โดยดูย้อนหลังไปหลายๆ ปี เพื่อป้องกันการตกแต่งบัญชี และดูความสามารถของบริษัทว่าแข็งแกร่งจริงหรือป่าว

วิธีดูหุ้นพื้นฐานดี มี 9 ลักษณะที่ควรจะมีดังต่อไปนี้
- มียอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หุ้นที่ดีควรจะมียอดขายที่เติบโตขึ้น ถ้าเติบโตเพิ่มขึ้นได้ทุกปีก็จะดีมาก
- มีการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานที่ดี บริษัทที่มีการควบคุมการดำเนินงานที่ดี เราสามารถตรจสอบดูได้จากงบกำไรขาดทุน โดยสังเกตจากต้นทุนสินค้าและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
- ไม่ประสบปัญหาขาดทุน บริษัทที่ดีควรจะมีความสามารถในการทำกำไรอย่างเสม่ำเสมอ
- เงินทุนหมุนเวียนเป็นบวก ธุรกิจที่ดีควรมีทรัพย์สินหมุนเวียนมากกว่าหนี้สินหมุนเวียน เพราะธุรกิจควรมีการเตรียมความพร้อมของเงินทุนระยะสั้นให้เพียงพอต่อการจ่ายคืนหนี้สินระยะสั้น
- มีหนี้ไม่มากหรือมีหนี้อยู่ในฐานะที่เหมาะสม ตัวเลขคร่าวๆ ที่ใช้กันส่วนใหญ่ในการตรวจสอบสภาพหนี้สินของธุรกิจก็คือ อันราส่วนหนี้สินต่อทุน อันราหนี้สินต่อทุนที่พอเหมาะที่ใช้กันทั่วไปคือ น้อยกว่าหนึ่งเท่า หรือไม่เกินสองเท่า
- มีกำไรสะสมเพิ่มขั้นทุกปี ธุรกิจที่ดีควรมีกำไรสะสมเพิ่มขั้นอย่างสม่ำเสมอ
- มีส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นสม่ำเสมอ บริษัทที่สามารถเพิ่มส่วนของผู้ถือหุ้นได้อย่างสม่ำเสมอนับว่าเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ
- กำไรต่อยอดขายมากพอสมควร ธุรกิจที่มีกำไรต่อยอดขายสุง แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการควบคุมต้นทุนของกิจการในระดับที่ดี
- ผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้นสูง ผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น คำนวณจาก กำไรหารด้วยส่วนผู้ถือหุ้น

การค้นหาลักษณะที่ดี 9 ประการข้างต้นของหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์จะช่วยให้คุณมีความรู้ความเข้าใจในหุ้นที่คุณลงทุนมากขึ้น

วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2560

เริ่มต้นลงทุนหุ้นอย่างไรดี

เริ่มต้นลงทุนหุ้นอย่างไรดี

การเริ่มต้นลงทุนใจตลาดหุ้นนอกเหนือจากที่จะต้องมีเงินสดส่วนหนึ่งสำหรับซื้อหุ้น และต้องไปเปิดปัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์แล้ สิ่งที่ผู้ที่อยากจะเริ่มลงทุนหรือนักลงทุนที่เพิ่งเริ่มต้นการลงทุนใหม่ ไม่ได้คำนึกถึงมากนัก แต่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก สามารถสรุปได้ดังต่อไปนี้

1.ต้องมีหลักการการขนเงินเข้าตลาดหุ้นโดยไม่มีหลักการอะไรประจำตัว หลักการเกิดขึ้นได้จากอะไรบ้าง ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นได้จากประสบการณ์ของตัวเองจากการลงทุนในตลาดมานานพอสมควร ลองผิดลองถูก แล้วค่อย ๆ สั่งสมกลายเป็นหลักการประจำตัวของตนเอง และ ความรู้โดยการอ่านหนังสือ การลงทุนแล้วนำมาทดลองปฏิบัติจนเหมาะสมกับการลงทุนของตนเอง หรือสอบถามวิธีการจากนักลงทุนที่มีประสบการณ์แล้วนำมาประยุกต์ใช้

2.ข้อมูลที่เพียงพอ นอกเหนือไปจากหลักการในการลงทุนแล้ว สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่นักลงทุนจะต้องมีก็คือ ข้อมูล ถ้าท่านมีหลักการการลงทุนเป็นนักลงทุนตามปัจจัยพื้นฐาน ข้อมูลที่ท่านต้องการก็คือ ลงการเงินของบริษัทจดทะเบียนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น งบกำไรขาดทุน งบดุล หรืองบกระแสเงินสด รวมทั้งข้อมูลพื้นฐานของบริษัทและอุตสาหกรรมนั้น ๆ งบการเงินเหล่านี้สามารถหาได้จากเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์หรือสามารถใช้บริการจากบริษัทหลักทรัพย์ที่คุณเปิดบัญชีอยู่ได้ งบการเงินเป็นเสมือนลายแทงที่เราใช้ในการค้นหาขุมทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนต่าง ๆ ที่ซ่อนเอาไว้

3.เตรียมจิตใจให้พร้อม การเข้าตลาดหุ้นโดยไม่มีการเตรียมจิตใจของตนเองให้ดีพอ อาจจะทำให้ท่านมีโอกาสขาดทุนได้มาก เพราะตลาดหุ้นเป็นที่ทดสอบจิตใจของนักลงทุนเป็นอย่างดี คนส่วนใหญ่เมื่อตลาดหุ้นเข้าสู้สภาวะตกต่ำ ราคาหุ้นร่วงลง จะเกิดอาการตกใจและกลัวที่จะขาดทุน เลยพากันขายออก แล้วพอขายหุ้นไป ราคาหุ้นตัวนั้นกลับดีดกลับไปที่ราคาสูงกว่าที่ขายไป

สำหรับผุ้ที่กำลังคิดจะเข้าลงทุนใจตลาดหุ้น เพื่อที่จะตั้งหลักลงทุนใหม่ การมีหลักการการลงทุนประตัว การมีข้อมูลในการลงทุนที่เพียงพอและการเตรียมจิตใจให้พร้อมต่อตลาดหุ้น คือ สิ่งที่ท่านจะต้องนำติดตัวไปด้วยก่อนที่จะเริ่มต้นลงทุนในตลาดหุ้น