วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

แนวรับ แนวต้าน แนวทางลงทุนหุ้นเน้นคุณภาพเกี่ยวกับแนวรับและแนวต้าน

แนวรับ และ แนวต้าน

แนวรับและแนวต้านเปรียบดังแนวของเส้น ณ ตำแหน่งราคาใดๆ ที่ใช้เป็นแนวสังเกตสำหรับการเคลื่อนที่ของราคาผ่านแนวนั้นๆ เนื่องจากการหยุดการทะลุผ่าน หรือการไหลตกลงของราคาผ่านที่แนวสังเกตนี้ล้วนมีนัยที่สำคัญการทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวรับ แนวต้าน จึงเป็นเรื่องจำเป็นควบคู่ไปกับการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาหุ้น

แนวรับ คือแนวที่มีแรงซื้อมารับราคาหุ้นไว้ไม่ให้ตกลงไปมากกว่านี้ หรือสามารถชะลอการร่วงลงของราคาได้ในขณะเวลาหนึ่ง โดยทั่วไปแนวรับจะมีลักษณะเหมือนแนวที่เป็นจุดสังเกตการเคลื่อนที่ลงของราคาในแนวโน้มขาลง
แนวรับจะมีได้มากกว่า 1 แนว และสามารถนำแนวรับในอดีตที่มีนัยมาใช้ในการสังเกตในปัจจุบันได้ โดยบ่อยครั้งที่แนวรับสำคัญจะเกิดจากการที่ราคาหุ้นในทิศทางลงหลายรอบมาหยุดลง ณ ที่แนวรับนั้น

แนวต้าน คือแนวที่มีแรงขายมาต้านราคาหุ้นไว้ไม่ให้ขึ้นสูงไปมากกว่านี้ หรือสามารถชะลอการขึ้นของราคาได้ในขณะเวลาหนึ่ง โดยทั่วไปแนวต้านจะมีลักษณะเหมือนแนวที่เป็นจุดสังเกตการเคลื่อนที่ลงของราคาในแนวโน้มขาขึ้น
แนวต้านจะมีได้มากกว่า 1 แนว และสามารถนำแนวต้านในอดีตที่มีนัยมาใช้ในการสังเกตในปัจจุบันได้ เช่น จุดสูงสุดเดิมที่มีการเทขายจำนวนมาก


จากต้านเป็นรับ จากรับเป็นต้าน

การติดตามทิศทางราคาหุ้นอย่างต่อเนื่องจะพบว่า เมื่อหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม แนวรับและแนวต้านก่อนหน้าจะสามารถทำหน้าที่สลับกันบนแนวโน้มที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น

กรณีที่ 1 แนวโน้มเป็นแนวโน้มขาขึ้น เราจะสามารถนิยามแนวต้านได้จากจุดสูงสุด และเมื่อแนวโน้มขาขึ้นวิ่งมาถึงแนวต้านที่แรงขายมากกว่าแรงซื้อทำให้ราคาหุ้นไม่สามารถทะลุผ่านแยวต้านไปได้ ราคาหุ้นจะเริ่มคงที่ระยะสั้นๆ และเกิดการย่อตัวกลับของแนวโน้ม แนวต้านก่อนหน้าจะกลายเป็นแนวรับที่ทดสอบการย่อตัวของราคา

กรณีที่ 2 แนวโน้มเป็นขาลงเกิดแรงขายต่อเนื่องจนสร้างจุดต่ำสุดใหม่ก่อให้เกิดแนวรับใหม่ในทิศทางแนวโน้มขาลง โดยที่แนวโน้มอาจจะมีการซื้อกลับดดยแรงซื้อจะดึงราคาหุ้นให้มีการ Rebound ขั้น แนวรับก่อนหน้าจะทำหน้าที่เป็นแนวต้าน เพื่อทดสอบการกลับตัวหรือ Rebound ของราคา




วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ประเภทของแนวโน้มของกราฟ แนวทางลงทุนหุ้นแบบเน้นคุณภาพ

ประเภทของแนวโน้ม

แนวโน้มคือรูปแบบของราคาหุ้นที่เปลี่ยนแปลงแบบเคลื่อนที่จากช่วงเวลาหนึ่ง ไปอีกช่วงเวลาหนึ่ง การเคลื่อนที่ของราคาหุ้นที่ปรกฏบนกราฟจะอยู่ในลักษณะแบบคลื่น คือมีการแกว่งตัว ไม่ได้มีทิศทางการเคลื่อนที่ขึ้นหรือลงเป็นเส้นตรง สาเหตุมาจากการที่มีปัจจัยอื่น ๆ ของผู้เล่นกลุ่มต่าง ๆ เข้ามามีอิทธิพลต่อการเคลื่อนที่ของราคาหุ้น ก่อให้เกิดความผันนผวนซ่อนอยู่ในการเคลื่อนที่ โดยสามารถแบ่งแนวโน้มออกได้ดังนี้

1.แนวโน้มขาขึ้น (Up Trend)
แนวโน้มขาขึ้นคือรูปแบบการเคลื่อนที่ขึ้นของราคาหุ้น โดยราคาหุ้นจะเปลี่ยนแปลงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยจุดต่ำสุดใหม่จะสูงกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้าเสมอ เรียกการเปรียบเทียบราคาลักษณะนี้ว่า Higher Low

2. แนวโน้มขาลง (Down Trend)
แนวโน้มขาลงคือรูปแบบการเคลื่อนที่ลงของราคาหุ้น โดยราคาหุ้นจะเปลี่ยนแปลงแบบลดลงเรื่อยๆ โดยจุดสูงสุดใหม่จะต่ำกว่าจุดสูงสุดก่อนหน้าเสมอ เรียกวิธีการเปรียบเทียบแบบนี้ว่า Lower High

3.แนวโน้มออกข้าง (Sideway Trend)
แนวโน้มออกข้างหรือ Sideway เป็นแนวโน้มที่มีการแกว่งแบบไว้ทิศทางที่ชัดเจน มีขึ้นและลงในกรอบแคบ ๆ และเป็นทางแยกก่อนจะเปลี่ยนแนวโน้มไปสู่ขาขึ้นหรือขาลง เรามีโอกาสพบแนวโน้มแบบ Sideway ได้มาก และแนวโน้มแบบนี้ที่ทำให้เกิด False Signal ใน Indicator หลายตัว และพาแมลงเม่าไปติดดอยมานักต่อนักแล้ว

ดังนั้นกรณีที่หุ้นอยู่ในแนวโน้ม Sideway นักลงทุนควรใช้สติและความระมัดระวังในการเทรดแบบเก็งกำไร เพราะบ่อยครั้งท่านมักจะถูกจินตนาการและผลจากจิตวิทยาของคนส่วนใหญ่ทำให้การตัดสินใจและการรับรู้คลาดเคลื่อน


วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ทำความรู้จักกับกราฟแท่งเทียน แนวทางลงทุนหุ้นแบบเน้นคุณภาพ

ทำความรู้จักกับกราฟแท่งเทียน

รูปแบบกราฟราคาหุ้นที่นิยมใช้ในการแสดงผลและการวิเคราะห์แนวโน้ม ตลอดจนทิศทางการเคลื่อนที่ของราคา ก็คือกราฟแบบแท่งเทียน โดยกราฟแท่งเทียนนี้สามารถแสดงราคาปิดเปิด สูงสุด ต่ำสุด ในช่วงเวลาที่เราสนใจพิจารณา ทำให็เราสามารถวิเคราะห์รูปแบบของราคาได้การอ่านกราฟแท่งเทียนได้เข้าใจจะทำให้เราทราบถึงสถานะของราคา และสภาพอารมณ์ของตลาดในระยะสั้นได้เป็นอย่างดี

รูปร่างของแท่งเทียน
รูปร่างของแท่งเทียนประกอบด้วยราคาปิด ราคาเปิด ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด โดยแสดงในลักษณะแท่งสี่เหลี่ยม เป็นการบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งหรือแรงขายจะสะท้อนออกมาในรูปแบบของแท่งเทียน แน่นอนว่าถ้ามีแรงซื้อมากชนะย่อมมีมากด้วย โดยแบ่งรูปร่างของแท่งเทียนออกได้ 3 ลักษณะดังนี้

1.Bullish Candlestick
Bullish Candlestick หรือแท่งเทียนขาขึ้น ราคาเปิดจะอยู่สูงกว่าราคาปิด โดยบ่งบอกถึงแรงซื้อชนะแรงขาย โดย Body ของแท่งเทียนยิ่งยาวยิ่งแสดงถึงการ Bullish ที่มาก

2.Bearish Candlestick
Bearish Candlestick หรือแท่งเทียนขาลง ราคาเปิดจะอยู่ต่ำกว่าราคาปิด โดยบ่งบอกถึงแรงขายชนะแรงซื้อ

3.Doji
Doji คือช่วงที่ราคาปิดและราคาเปิดมีค่าเท่ากันหรือใกล้เคียงกันมาก ๆ ซึ่งสะท้อนความไม่สามารถเอาชนะกันระหว่างแรงซื้อและแรงขาย เป็นสัญญาณบอกถึงการทรงตัวของราคาหุ้น

การฟราคาหุ้นที่เราพบโดยทั่วไปเป็นกราฟแท่งเทียนที่เรียงต่อกันเป็นชุดแบ่งตามช่วงเวลาที่เราสจใจ โดยเราสามารถนำรูปแบบของแท่งเทียนมาวิเคราะห์การกลับตัว และการเคลื่อนที่ขึ้นหรือลงของแนวโน้มหุ้นได้